ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ปี 2022 โดยดัชนีS&P 500พุ่งขึ้น 2.3% จากตัวเลขการว่างงานที่มีแนวโน้มดี ซึ่งบ่งชี้ว่าความกังวลด้านเศรษฐกิจอาจคลี่คลายลง ดัชนีนี้ถือเป็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยลบล้างการสูญเสียเกือบทั้งหมดจากช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ที่วุ่นวาย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ยังเพิ่มขึ้น 1.8% และดัชนีNasdaq Composite เพิ่มขึ้น 2.9% โดยได้รับแรงหนุนจากกำไรมหาศาลของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ รวมถึงการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดของ Nvidia
ในตลาดพันธบัตร อัตรา ผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น หลังจากรายงานสวัสดิการว่างงานล่าสุดระบุว่ามีผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานน้อยกว่าที่คาดไว้ ข้อมูลนี้สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพ หลังจากที่รายงานก่อนหน้านี้ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น
เพียงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ข้อมูลการว่างงานที่น่าผิดหวังได้กระตุ้นความกลัวว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นเวลานานเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลให้ตลาดสั่นคลอน นักลงทุนตอบสนองด้วยความกังวล รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิดของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อกลยุทธ์การค้าโลก แม้ว่าตลาดจะประสบภาวะถดถอยเมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึงการร่วงลงเกือบ 10% จากระดับสูงสุดตลอดกาลเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ขณะนี้ S&P 500 ก็ได้ลดช่องว่างจากจุดสูงสุดเหลือเพียงประมาณ 6%
นักวิเคราะห์ตลาดมักเรียกการลดลงดังกล่าวว่าการแก้ไขตามปกติ ซึ่งเกิดขึ้นทุกๆ สองสามปี ความผันผวนของตลาดเกิดจากการซื้อขายที่ทับซ้อนกันระหว่างนักลงทุน ซึ่งนำไปสู่การขายออกอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจากBNP Paribasแนะนำว่าพฤติกรรมของตลาดในปัจจุบันนั้นคล้ายกับ “การล่มสลายที่เกิดจากการวางตำแหน่ง” มากกว่าที่จะเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะยาว ขณะที่ตลาดยังคงประมวลผลข้อมูลนี้ต่อไป บริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ ได้รายงานผลทางการเงินในเชิงบวกโดยทั่วไปสำหรับฤดูใบไม้ผลิ
ตัวอย่างเช่น หุ้น ของ Eli Lillyพุ่งขึ้น 9.5% หลังจากมีกำไรและรายได้ที่สูงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสำเร็จของยาสำหรับโรคเบาหวานและการลดน้ำหนัก เมื่อมองไปข้างหน้า ตลาดยังคงระมัดระวัง โดยมีข้อมูลเงินเฟ้อและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นในวันนี้ แต่ยังคงมีความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและบริษัทเภสัชกรรมมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของตลาดในระยะสั้น